สาเหตุของการเกิดหลุมสิวและรอยสิว

สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว

พร้อมวิธีป้องกันและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน

รอยสิวและหลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน ถึงแม้สิวจะหายไปแล้ว แต่ “ร่องรอย” ที่เหลืออยู่ก็ยังส่งผลต่อความมั่นใจได้ไม่น้อย มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิวกันดีกว่า เพื่อจะได้ดูแลและป้องกันได้อย่างถูกวิธี

ทำไม “รอยสิว” และ “หลุมสิว” ถึงเป็นปัญหาที่ไม่จบแค่สิว?

หลายคนอาจคิดว่า “พอสิวหายแล้ว ทุกอย่างก็จบ” แต่ความจริงคือรอยสิวและหลุมสิวอาจยังอยู่กับเราไปอีกนาน หากไม่ดูแลให้ถูกวิธี ปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการดูแลผิว การอักเสบจากสิว รวมถึงการฟื้นฟูผิวที่ผิดจังหวะของร่างกาย บทความนี้ Pruksa Clinic จะพามาเจาะลึกถึง สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว พร้อมแนวทางการป้องกันและดูแลผิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

  1. การอักเสบของสิว

เมื่อสิวเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวช้าง หรือสิวหนอง ร่างกายจะพยายามกำจัดเชื้อแบคทีเรียและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย กระบวนการนี้อาจทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) จนกลายเป็นรอยดำ หรือรอยแดงหลังสิวได้

  1. การแกะสิว บีบสิว หรือเกา

พฤติกรรมยอดฮิตที่ทำให้รอยสิวและหลุมสิวชัดเจนขึ้นคือ การแกะหรือบีบสิวเอง เพราะแรงกดหรือการบาดเจ็บจากมือที่ไม่สะอาดจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบลึก และเกิด พังผืดหรือหลุมสิว ตามมาในที่สุด

  1. การสร้างคอลลาเจนผิดปกติหลังสิวหาย

หลังจากสิวอักเสบ ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นเพื่อซ่อมแซมผิว แต่หากสร้าง คอลลาเจนน้อยเกินไป จะเกิดหลุมสิว (Atrophic Scar) ในทางกลับกัน หากสร้างมากเกินไป อาจเกิดเป็น แผลนูน (Hypertrophic Scar) ได้เช่นกัน

  1. แสงแดดและรังสี UV

รังสี UV จากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้รอยสิวเข้มขึ้น เพราะไปกระตุ้นเม็ดสีผิว (Melanin) ให้ผลิตมากขึ้น ส่งผลให้ รอยดำหลังสิวอยู่ได้นานขึ้น จึงควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทุกวัน

  1. การดูแลผิวไม่เหมาะสม

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือมีสารระคายเคือง อาจทำให้สิวอักเสบซ้ำ และผิวไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดี ส่งผลให้รอยสิวและหลุมสิวไม่จางหาย

วิธีป้องกันรอยสิวและหลุมสิว

  • หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวเอง
  • ใช้ยารักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวตามคำแนะนำของแพทย์
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจน
  • หากมีรอยหรือหลุมสิวลึก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำหัตถการ เช่น เลเซอร์, PRP, TCA Cross, Microneedle RF หรือ Subcision

การรักษารอยสิวและหลุมสิวกับ Pruksa Clinic

ที่ Pruksa Clinic เรามีเทคโนโลยีรักษาหลุมสิวและรอยสิวครบวงจร เช่น

  • เลเซอร์ลดรอยสิวและรอยดำ ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียน
  • Microneedle RF / MRF กระตุ้นคอลลาเจนลึก ฟื้นฟูผิวจากภายใน
  • PRP / Growth Factor Therapy ใช้เกล็ดเลือดจากร่างกายช่วยเร่งการซ่อมแซมผิว
  • Subcision เทคนิคปลดพังผืดใต้ผิวเพื่อลดความลึกของหลุมสิว

ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณโดยเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจน ปลอดภัย และเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน

สรุป : เข้าใจสาเหตุ เพื่อฟื้นฟูผิวให้สวยใสอย่างยั่งยืน

รอยสิวและหลุมสิวอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ส่งผลต่อความมั่นใจได้ไม่น้อย การรู้จัก สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว จะช่วยให้คุณดูแลผิวได้ถูกทาง และหากเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้น ผิวหน้าก็สามารถกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใสได้อีกครั้ง