
สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว
พร้อมวิธีป้องกันและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน
รอยสิวและหลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน ถึงแม้สิวจะหายไปแล้ว แต่ “ร่องรอย” ที่เหลืออยู่ก็ยังส่งผลต่อความมั่นใจได้ไม่น้อย มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิวกันดีกว่า เพื่อจะได้ดูแลและป้องกันได้อย่างถูกวิธี
ทำไม “รอยสิว” และ “หลุมสิว” ถึงเป็นปัญหาที่ไม่จบแค่สิว?
หลายคนอาจคิดว่า “พอสิวหายแล้ว ทุกอย่างก็จบ” แต่ความจริงคือรอยสิวและหลุมสิวอาจยังอยู่กับเราไปอีกนาน หากไม่ดูแลให้ถูกวิธี ปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการดูแลผิว การอักเสบจากสิว รวมถึงการฟื้นฟูผิวที่ผิดจังหวะของร่างกาย บทความนี้ Pruksa Clinic จะพามาเจาะลึกถึง สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว พร้อมแนวทางการป้องกันและดูแลผิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
- การอักเสบของสิว
เมื่อสิวเกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวช้าง หรือสิวหนอง ร่างกายจะพยายามกำจัดเชื้อแบคทีเรียและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย กระบวนการนี้อาจทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) จนกลายเป็นรอยดำ หรือรอยแดงหลังสิวได้
- การแกะสิว บีบสิว หรือเกา
พฤติกรรมยอดฮิตที่ทำให้รอยสิวและหลุมสิวชัดเจนขึ้นคือ การแกะหรือบีบสิวเอง เพราะแรงกดหรือการบาดเจ็บจากมือที่ไม่สะอาดจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบลึก และเกิด พังผืดหรือหลุมสิว ตามมาในที่สุด
- การสร้างคอลลาเจนผิดปกติหลังสิวหาย
หลังจากสิวอักเสบ ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นเพื่อซ่อมแซมผิว แต่หากสร้าง คอลลาเจนน้อยเกินไป จะเกิดหลุมสิว (Atrophic Scar) ในทางกลับกัน หากสร้างมากเกินไป อาจเกิดเป็น แผลนูน (Hypertrophic Scar) ได้เช่นกัน
- แสงแดดและรังสี UV
รังสี UV จากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้รอยสิวเข้มขึ้น เพราะไปกระตุ้นเม็ดสีผิว (Melanin) ให้ผลิตมากขึ้น ส่งผลให้ รอยดำหลังสิวอยู่ได้นานขึ้น จึงควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทุกวัน
- การดูแลผิวไม่เหมาะสม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือมีสารระคายเคือง อาจทำให้สิวอักเสบซ้ำ และผิวไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดี ส่งผลให้รอยสิวและหลุมสิวไม่จางหาย
วิธีป้องกันรอยสิวและหลุมสิว
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวเอง
- ใช้ยารักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวตามคำแนะนำของแพทย์
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจน
- หากมีรอยหรือหลุมสิวลึก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำหัตถการ เช่น เลเซอร์, PRP, TCA Cross, Microneedle RF หรือ Subcision
การรักษารอยสิวและหลุมสิวกับ Pruksa Clinic
ที่ Pruksa Clinic เรามีเทคโนโลยีรักษาหลุมสิวและรอยสิวครบวงจร เช่น
- เลเซอร์ลดรอยสิวและรอยดำ ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียน
- Microneedle RF / MRF กระตุ้นคอลลาเจนลึก ฟื้นฟูผิวจากภายใน
- PRP / Growth Factor Therapy ใช้เกล็ดเลือดจากร่างกายช่วยเร่งการซ่อมแซมผิว
- Subcision เทคนิคปลดพังผืดใต้ผิวเพื่อลดความลึกของหลุมสิว
ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณโดยเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจน ปลอดภัย และเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
สรุป : เข้าใจสาเหตุ เพื่อฟื้นฟูผิวให้สวยใสอย่างยั่งยืน
รอยสิวและหลุมสิวอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ส่งผลต่อความมั่นใจได้ไม่น้อย การรู้จัก สาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิว จะช่วยให้คุณดูแลผิวได้ถูกทาง และหากเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้น ผิวหน้าก็สามารถกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใสได้อีกครั้ง
